รีวิว มนต์รักหนองผักกะแยง

เรื่องราวของ ‘เขียว’ (ณเดชน์ คูกิมิยะ) หนุ่มอีสานมีปมที่จากบ้านไปร่ำเรียนในเมืองกรุงฯ แต่สุดท้ายก็ต้องหวนคืนบ้านเกิดเมื่อต้องพบกับเรื่องราวสุดบอบช้ำที่เขาไม่คาดฝัน หนทางเยียวยาที่เหลือเพียงทางเดียวก็คือ ‘กลับบ้าน’ แต่ในใจที่ยังปฏิเสธความเป็นตัวตน ทำให้เขาต้องการขายที่ดินของยายเพื่อเงิน 30 ล้านบาท ดูหนัง ดูหนังออนไลน์

 

ก็ได้ยินว่าที่ผื่นนั้นมันมีมูลค่าเท่านี้เลยเชียวนะ แต่อะไรมันจะง่ายขนาดนั้นล่ะบักเขียว เพราะที่ดินผืนนี้มี ‘ชมพู่’ (โบว์ เมลดา สุศรี) เป็นคนเช่าที่ดินทำไร่ ‘แบ่งฝันปันรัก’ ไร่นาสวนผสมเกษตรอินทรีย์ หากเขียวต้องการได้ที่ดินคืนก็ต้องต่อสู้กันสักตั้ง พิสูจน์ตัวเองว่าสมควรได้ที่ผืนนี้คืนไป เขียวต้อง

 

รีวิว มนต์รักหนองผักกะแยง

 

ทำงานในไร่เพื่อพิสูจน์ตัวเอง โดยมีเพื่อนและครอบครัวทุกคนพร้อมที่จะช่วยเหลือ โดยหารู้ไม่ว่าสิ่งที่จะได้รับกลับคืนมา มันมีค่ามากมายกว่าที่ดิน 30 ไร่ นี้ด้วยซ้ำ สดชื่นมากมายกับบรรยากาศโดยรวมที่ละครเรื่องนี้บรรจงสร้างมาเสิร์ฟคนดูอย่างเรา ๆ ที่ต้องสู้ชีวิตอยู่เมืองกรุง ถึงแม้ผู้เขียนจะเป็นคนกรุงเทพฯโดยกำเนิด แต่ชอบมากมายที่ครั้งหนึ่งเคยได้ไปใช้ชีวิตเป็นชาวไร่ ชาวสวนอยู่ต่างจังหวัด และแน่นอนค่ะว่า

 

ไร่นาที่ผู้เขียนไปทำมานั้น คล้ายกับละครเรื่องนี้ถึง 90 เปอร์เซ็นต์ อยากจะบอกว่าทุกอย่างที่ละครเรื่องนี้นำเสนอ สามารถเกิดขึ้นได้จริงและสามารถสร้างรายได้เลี้ยงชีพให้อิ่มหนำได้จริง ๆ นะคะ ไม่ขายฝันหรอกเด้อ (ถ้าตั้งใจจริง) สิ่งที่ละครเรื่องนี้บอกกับเราก็คือ ‘ทุกคนต้องมีบ้านให้กลับ’ เพราะบ้านพร้อมที่จะเป็นรังสุดท้ายของเราเสมอ การ กลับไปซบอกบ้านเกิดไม่ใช่การซมซาน อย่างที่ใครกล่าวหา แต่เป็นการสำนึกรักและเห็นคุณค่ากับส่งที่เรามีอยู่ จนอยากจะพัฒนาให้มันดีขึ้น

 

รีวิว มนต์รักหนองผักกะแยง

 

เพื่อเราทุกคน ในเรื่องนี้ ‘เขียว’ กลับบ้านมาแบบนกปีกหัก ใจจริงก็แค่จะมาพักให้หายเหนื่อยแถมยังอยากจะกอบโกยเพื่อตัวเองด้วยซ้ำ แต่เมื่อกลับมาพบกับการต้อนรับที่อบอุ่น วันคืนเก่า ๆ และความสุขสงบที่พบเจอ ใครจะอยากไปไหนอีกล่ะจริงไหม ละครเสิร์ฟต่อแบบม่วน ๆ ด้วยความน่ารักของชาว ‘หนองผักกะแยง’ เป็นคอมเมดี้อบอุ่น สุดน่ารัก ฮากรุบกริบจนถึงฮาดัง ๆ ได้ในหลายฉาก แต่ยังเน้นความเป็นครอบครัวใหญ่ที่มี ‘ยายเพียร’ (น้อย โพธิ์งาม) เป็นเสาหลักของหมู่บ้านก็ว่าได้ ผสมผสานไป

 

กับวิถีชีวิตของคนอีสานที่เอื้อเฟื้อเผื่อแผ่ หาอยู่หากินได้จากธรรมชาติโดยที่เงินกลายเป็นปัจจัยรอง เพราะของหลายอย่างถึงมีเงินก็ไม่จำเป็นต้องซื้อ กบ เขียดตามท้องนา ผักกะแยงและพืชผักอื่น ๆ ที่ขึ้นดกอยู่ตามหนอง ถือเป็นละครพักใจที่หากว่าเหนื่อยนัก ก็มานั่งดูละครเรื่องนี้สิ ม่วนหลาย…ว่ากันอย่างนี้เลยละ เรื่องนี้ใช้ตัวแทนสองฝั่งเป็นพระ-นาง ‘เขียว’ เป็นตัวแทนของคนอีสานที่จากบ้านไปเมืองกรุงฯ ไปแบบอยากจะลืมตัวตนกันไปเลย หนีกลิ่นปลาร้า หนีรสชาติเผ็ดร้อนหอมซ่าของผักกะแยงไปแบบ ไม่อยากจะหันหลังกลับ แม้แต่ภาษาอีสานก็ไม่อยากจะ

 

รีวิว มนต์รักหนองผักกะแยง

 

พูดออกมาซะด้วยซ้ำ แตกต่างกับ ‘ชมพู่’ ที่หลังจากเรียนจบเกษตรก็กลับมาพัฒนาบ้านเกิด รักความเป็นอีสานและที่สำคัญ ชมพู่เป็นตัวแทนของความใสซื่อจริงใจที่มีอยู่ในคนอีสานแทบทุกคน ทุกอย่างที่เป็นชมพู่มีแต่ความจริงใจที่ออกมาจากข้างในจนสัมผัสได้ และทำให้เราหลงรักตัวละครตัวนี้ไปแบบไม่รู้ตัว ซึ่ง ‘โบว์ เมลดา’ ถ่ายทอดบทบาทของชมพู่เอาไว้อย่างน่ารักน่าเอ็นดู ถือเป็นการเปิดตัวนางเอกใหม่ช่อง 3 ได้แบบน่าชื่นชม ปังยาว ๆ

เรื่องย่อ รีวิว มนต์รักหนองผักกะแยง

ไปเลยจ้ะ ฉากร้องไห้ที่ร้องออกมาแบบเด็ก ๆ มันแทนความใสซื่อได้อย่างตรงไปตรงมา และการกลับใจของเขียวที่ความรักและความอบอุ่นจากบ้านเกิด ทำให้เขียวยอมรับความเป็นตัวเองในที่สุด ‘ณเดช คูกิมิยะ’ ก็ถ่ายทอดบทนี้ออกมาได้แบบไม่ผิดหวัง แถมยังมีเพลงประกอบติดหูที่โดนใจคนไกลบ้านเข้าไปอีก อวยแหลกลาญค่ะเรื่องนี้ เพราะมันฟีลกู้ดกับหัวใจได้ตรง ๆ

 

คอมเมดี้มีหักมุมค่ะบอกเลย เราจะเห็นละครแนวอีสานมามากมายก็หลายเรื่อง แต่ละเรื่องก็จะจัดบรรยากาศม่วนซื่นแบบอีสานกันแพรวพราว ซึ่งเรื่องนี้ก็ไม่ต่าง กลิ่น สี บรรยากาศครึกครื้น เถิดเทิงตามสไตล์อีสานบ้านเฮา มีดราม่า มีเฮฮา มีความรักกุ๊กกิ๊กของพระนางที่ ทำให้เราต้องยิ้มตามแน่นอน เข้ากันดี๊ดีค่ะสองคนนี้ แต่ที่แตกต่างไปจากละครเรื่องอื่น ๆ ก็คือ บรรยากาศที่ปรุงมาเสิร์ฟมันช่างให้ความรู้สึกสดใหม่ สดชื่นและไม่ใช่การขายฝัน

 

 

แถมเรื่องนี้มีตอนจบที่ร้องว้าว ตบเข่าฉาด ที่ผ่านมามันเป็นอย่างนี้เองเรอะ แถมยังเรียงเสียงฮาและความสุขภายในบ้านได้แบบ ม่วนซื่นของแท้ และบอกกับเราทุกคนเลยว่า ทุกอย่างที่ผ่านมาทั้งหมด มันอยู่ในวงล้อมของคำว่า ‘รัก’ ตั้งแต่ต้น แถมท้ายด้วยความจริงที่ว่า ต่อให้เราจากบ้านไปเติบโต

 

สุขสบายและทำเงินได้เป็นกอบเป็นกำแค่ไหน แต่ส่งที่เราต้องเสียไปคือความสุขพร้อมหน้าพร้อมตาที่จะได้อยู่กับครอบครัว ซึ่งมันจรงซะด้วยสิสำหรับคนไกลบ้าน ใครที่ดูจบแล้วจะรู้สึกเหมือนกับผู้เขียนไหม แต่สำหรับใครที่ยังไม่เคยดูละครเรื่องนี้ ก็อยากให้ใช้เรื่องนี้เป็นละครฮีลใจกันสักเรื่อง รับรองไม่ผิดหวังแน่นอน

 

 

เป็นละครที่ได้รับการจับตามองตั้งแต่ประกาศวางตัวพระนาง สำหรับ “มนต์รักหนองผักกะแยง” เพราะเป็นะละครเรื่องแรกที่ถือเป็นการย้ายบ้านจากช่อง 7 ของนางเอก โบว์ เมลดา สุศรี มาบ้านใหม่ช่อง 3 และย้ายมาก็ได้จับคู่พระเอกเบอร์ 1 ของช่องอย่าง ณเดชน์ คูกิมิยะ

 

ซึ่งตอนนั้นก็ต้องถือเป็นดราม่าเล็กๆ ทีเดียวที่ โบว์ ต้องโดนทั้งจากแฟนช่องเดิมที่ไม่ปลื้มกับการจากมา กับแฟนคลับช่องใหม่ที่แอบตัดพ้อว่า โบว์ มาถึงก็ได้เล่นกับ ณเดชน์ เลย แต่คนก็ตั้งตารอดู มนต์รักหนองผักกะแยง กันพอตัว ทั้งอยากดู โบว์ กับช่องใหม่ ทั้งเชื่อมือค่ายละครของผู้จัดฯ อ๊อฟ พงษ์พัฒน์ ว่าต้องทำออกมาได้ดี และเป็นละครคอมเมดี้ที่คนไทยต้องการเสียงหัวเราะในช่วงเวลาเครียดๆ

 

 

และด้วยจังหวะเวลา สถานการณ์ต่างๆ ทำให้ “มนต์รักหนองผักกะแยง” ลงจอในช่วงสถานการณ์โควิด ที่คนไทยเครียดกันทั้งประเทศ ซึ่งก็น่าจะเป็นผลดี เพราะละครคอมเมดี้คนน่าจะเลือกดู แต่ก็ต้องบอกว่าการต้องเข็นเรตติ้งในช่วงสถานการณ์โควิดก็ยากเหมือนกัน ชมกันต่อได้ใน รีวิวละครยอดนิยม

รีวิว มนต์รักหนองผักกะแยง

ด้วยความที่โดนคาดหวัง จับตามองเยอะ ช่วงแรกๆ มนต์รักหนองผักกะแยง อาจจะออกตัวช้าหน่อย กระแสยังไม่ค่อยมา ออกแนวเรื่อยๆ มาเรียงๆ แอบมีเสียงวิจารณ์ว่าเป็นคอมเมดี้ที่ยังไม่ตลกเข้าที่มากเท่าไร 3 ตอนแรกได้เรตติ้งไปพอประมาณ ขณะที่ ละครบู๊ “เผาขน” ของช่อง 7 ที่ส่งมาชน ลงจอพร้อมกันเด๊ะ ทิ้งห่างอยู่ใน 3 ตอนแรก แต่พอ บักเขียว เข้าอีสานลงทุ่งเต็มตัว กระแสเริ่มมาขึ้นเรื่อยๆ

มนต์รักหนองผักกะแยง จะบอกว่าเป็น มนต์รักลูกทุ่ง เวอร์ชันภาษาอีสาน ก็คงไม่ผิดเท่าไร เพราะเป็นเรื่องราวของครอบครัว วิถีชีวิตต่างจังหวัด ความรักหนุ่มสาว กลุ่มเพื่อน และมีความเป็นละครเพลง สิ่งที่ต้องชื่นชมของ มนต์รักหนองผักกะแยง คือ การใช้นักแสดงเกือบทุกตัวละครที่พูดภาษาอีสานได้สำเนียงเป๊ะ ไม่แปร่งหู ทั้งนักแสดงนำ นักแสดงสมทบ นักแสดงเอ็กซ์ตร้า ไปจนถึงนักแสดงเด็ก พูดอีสานกันได้แบบเนทีฟสปีกเกอร์ ทำให้คนดูเข้าถึงฟีลลิ่งอีสานจริงๆ ไม่ต้องจั๊กจี้กับสำเนียงที่ฟังยังไงก็ไม่ใช่

 

และที่ยังต้องปรบมือให้เสมอกับละครของค่ายที่ชื่อ พงษ์พัฒน์ วชิรบรรจง ก็คือการหาโลเคชั่น พร็อพอะไรต่างๆ ที่ไม่เคยพร่อง ดูเรียลสมจริง แต่ละฉากคือดี เหมือนได้นั่งดูชีวิตคนอีสานจริงๆ ซึ่งทั้งสองส่วนประกอบทั้งสำเนียงของตัวละคร และฉากที่สมจริง ทำให้ มนต์รักหนองผักกะแยง ดูแล้วเพลิน ฟีลกู้ดเหลือเกิน ขณะที่เรื่องการแสดงของสองนักแสดงนำที่ต้องมาถ่ายทอดเรื่องราวของ 2 หนุ่มสาวชาวอีสาน ที่คนหนึ่งรักบ้านเกิด ขณะที่อีกคนเป็นเด็กหนุ่มที่พยายามลืมรากเหง้าตัวเอง

 

ต้องบอกว่า ณเดชน์ ทำได้ดีกับบท “บักเขียว” หนุ่มขี้แหย เอาแต่ใจ อ่อนแอ งอแง เป็นเด็กเกเร และลูกแหง่ แม้ด้วยความหล่อเว่อร์ของ ณเดชน์ จะดูเท่เกินความขี้แหยของ บักเขียว ไปหน่อย แต่ในเรื่องการแสดงเป็นบักเขียว ณเดชน์ ทำได้แบบสุดฮา กล้าเล่นรั่วสุดตัว งดขายความหล่อ ขอหันมาขายความฮาแบบเต็มๆ เรียกว่า ณเดชน์ สลัดลุคเดิมๆ ทิ้ง และทำได้อย่างยอดเยี่ยม

 

ส่วน โบว์ เมลดา คนนี้ไม่ต้องพูดอะไรมากมาย การแสดงใน มนต์รักหนองผักกะแยง เอาไปเลยคะแนนเต็ม โบว์ เป็นนางเอกที่เล่นบทตลกได้เนียน ละเอียด ดูเรียล และ โบว์ เมลดา มี เป็นสิ่งที่นางเอกคนอื่นของช่อง 3 หลายคนยังทำไม่ได้แบบเธอ คือความเป็นธรรมชาติ ดูจริง เชื่อในความเป็นสาวต่างจังหวัด ยิ่งช่วง EP หลัง บักเขียว และ ชมพู่ เริ่มปิ๊งกัน การแสดงที่เข้าขาของ ณเดชน์ และ โบว์ ที่ขยี้ตบมุกกันได้โบ๊ะบ๊ะ ยิ่งดูยิ่งสนุก คนดูได้หัวเราะแบบเต็มเสียง รีวิว ละครไทย

 

บทประพันธ์โดย : ช.เรเชล

บทโทรทัศน์โดย : ช.เรเชล

กำกับการแสดงโดย : พงษ์พัฒน์ วชิรบรรจง

ผลิตโดย : บริษัท ดู เอ็นเตอร์เทนเม้นท์ จำกัด

ควบคุมการผลิตโดย : เอกนรี วชิรบรรจง

รับชมย้อนหลังได้ทาง : Wetv

พิสูจน์อักษร : สุชยา เกษจำรัส

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *