รีวิว เนื้อใน
เนื้อใน เป็นบทประพันธ์ของ กฤษณา อโศกสิน “ศิลปินแห่งชาติ สาขาวรรณศิลป์” พ.ศ. 2531 ที่เคยได้รับรางวัลนวนิยายชมเชยจากการประกวดหนังสือดีเด่น โดยคณะกรรมการพัฒนาหนังสือแห่งชาติ กระทรวงศึกษาธิการ พ.ศ 2539 พอ GMM25 หยิบมาทำเป็นละครในครั้งนี้
ดูละครแล้วก็ต้องร้องโอ้โห อาเข็มเพ็ชร ลื้อออกมาจากหนังสือแล้วลื้อเป็นแบบนี้หรอกเหรอเนี่ย ถ้าตัดเรื่องเสียงของ คริส หอวัง ที่ทำให้ความเป็นเข็มเพชรดูเหนื่อย ๆ ไปสักหน่อยก็ถือว่า คริส เกือบจะเป็นเข็มเพชรในนิยายได้อย่างสมบูรณ์กันเลยละ กฤษณา อโศกสิน บรรยายลักษณะของเข็มเพชรไว้ว่า เป็นผู้หญิงนัยตาสีน้ำตาลโตกว้าง หน้าแป้น ขาวเกลี้ยง โหนกแก้มสูง มีลักษณะของความเย็นยะเยือกคล้ายอากาศหน้าหนาว
ความสัมพันธ์ที่ดำเนินไปในนิยายเรื่องนี้คือ
ความสัมพันธ์ที่พึ่งพาอาศัยในรูปของการทำร้ายกันของคนสองคน (เอ๊ะหรือจะมากกว่านั้น) ซึ่งเป็นสารตั้งต้นในการเขียนนิยายเรื่องนี้ของ กฤษณา อโศกสิน แหม….น่าหดหู่ไม่หยอกแฮะชีวิตแบบนี้ ซึ่งมันเป็นแบบนั้นอ่ะแหละนะ เป็นดราม่าหนักอึ้ง ที่เต็มไปด้วยความอึดอัด ระทมทุกข์ของผู้หญิงวัยสามสิบห้าที่ชื่อว่า ปลี ผู้หญิงว่าง่าย ใจเบา ขลาดกลัวไปซะทุกเรื่อง มีชีวิตที่เต็มไปด้วยมิตรร้ายรอบตัว เป็นทาสผู้ซื่อสัตย์ของเจ้านายอย่าง เข็มเพชร ผู้หญิงวัยสี่สิบที่เก็บกด
ทะเยอะทะยาน เก่งรอบด้านแต่ก็เจ้าคิดเจ้าแค้น เป็นคนที่ใช้ทั้งพระเดชและพระคุณมาสนองความต้องการของตัวเองได้ถูกจังหวะ กับ ราเชน สามีเจ้าอารมณ์ ปากร้าย ซาดิสม์ กดขี่ภรรยาตัวเองได้สารพัดรูปแบบ ในนิยายมันเป็นแบบนั้น อ่านไปก็อึดอัดไป สงสารไปและด่าไปในใจว่า “จะทนกับคนพวกนี้ไปเพื่ออะไรห๊ะ ปลี”
ถามว่า นิยายเรื่องนี้ ของ กฤษณา อโศกสิน ต้องการสื่ออะไรกับผู้อ่าน ก็สามารถตอบได้ว่า เป็นนิยายที่ต่อต้านปัญหาการกระทำรุนแรงในครอบครัว อย่างที่ราเชนทำกับปลี ขึ้นชื่อว่าเป็นสามีภรรยากันนะคะ ไอ้เรื่องหลับนอนตามธรรมชาติของมนุษย์มันเป็นเรื่องธรรมดา แต่การหลับนอนโดยอีกฝ่ายไม่เต็มใจและไม่ได้มีความสุขไปด้วยกับรสนิยมที่รุนแรงของอีกฝ่าย มันไม่ใช่เรื่องปกติ มิหนำซ้ำสามีที่ควรเป็นคนข้างกายที่ปลอดภัยและอบอุ่นที่สุดของภรรยา
กลับกลายเป็นคนที่เธอต้องหวาดผวาไปซะฉิบ แถมเจ้านายที่เธอจงรักภักดีและไว้ใจที่สุด รักเทิดทูนอย่างพี่สาว ยอมจำนนอย่างหมารับใช้กลับเป็นคนที่ทำร้ายเธอได้อย่างแยบยล ซึ่ง กฤษณา อโศกสิน ก็พยายามตีแผ่ส่วนลึกของมนุษย์รอบ ๆ ตัวของปลีออกมาให้เห็นว่า “เปลือกนอกอันสวยงามของมนุษย์บางประเภท อาจซ่อนซากเน่าของปีศาจร้ายไว้ภายใน”
เมื่อนิยายเมื่อ 24 ปีที่แล้ว กลายเป็นละครในปีนี้ ดูหนัง ดูหนังออนไลน์
จากนิยายชิงรางวัลก็มากลายเป็นละครที่มีกลิ่นของ คลับไฟรเดย์อยู่ชัดเจนเลยทีเดียว รู้สึกแบบนั้นเลยนะ ด้วยความดราม่าของเนื้อเรื่องและการเขียนบทที่สาดพริกสาดเกลือให้เข้มข้นและเอาอกเอาใจคนดูมากยิ่งขึ้น จากนิยายที่อ่านแล้วทำให้เกิดอารมณ์ดีดดิ่ง หดหู่ไปกับชีวิตที่ซวยบัดซบของปลีจนทำเอาผู้อ่านเอาใจช่วยให้เธอได้พบกับแสงสว่างปลายอุโมงเสียทีกลายมาเป็น ละครชีวิตของเข็มเพชรที่ทำลายชีวิตตัวเองและชาวบ้านที่ก็ช่างสรรหาสารพัดวิธีมาจัดการ รีวิวละคร
ให้ชีวิตของตัวเองและชาวบ้านไม่เป็นสุข เรียกว่าชูความเด่นกันไปคนละแบบแต่ก็ไม่ได้ทิ้งรายละเอียดในชีวิตของใครเลย แน่นอนว่าบรรยากาศที่ได้รับของสองการนำเสนอต้องแต่งต่างกัน แต่ก็ไม่ได้ทำให้บทประพันธ์เสียหายไปจากแก่นที่ผู้ประพันธ์ต้องการนำเสนอไปซะทีเดียว แก่นของเรื่องยังคงอยู่อย่างเหนียวแน่นชนิดที่ว่าเป็นรากแก้วที่แข็งแรงคงทนน่าดู
รีวิว เนื้อใน พล็อตเรื่อง
ในละครจะนำเสนอสิ่งที่ เข็มเพชร (คริส หอวัง) กระทำกับคนรอบข้างของเธอ ไม่ว่าจะเป็นการสร้างอิทธิพลทางความคิด เป็นจอมบงการ เป็นผู้หญิงที่อัดแน่นไปด้วยความแค้น คือแค้นยิบแค้นย่อยมาตั้งแต่ในรั้วบ้านกันเลยทีเดียว เพราะเป็นลูกผู้หญิงคนกลางในครอบครัวชาวจีน รีวิวละครไทย
ที่พ่อแม่รักแต่ลูกชาย เข็มเพชรจึงพยายามถีบตัวเองทุกวิถีทางเพื่อจะยืนอยู่ในจุดที่เธอคิดว่าเหนือคนอื่น จนกระทั่งได้เป็นเจ้าของธุรกิจจิวเวลรี่ครบวงจร ละครนำเอาจุดนี้ของเข็มเพชรมาขยี้และขยายให้เห็นภาพชัดเป็นเหตุเป็นผลให้เห็นปมความเก็บกดในชีวิตตั้งแต่เด็กของเข็มเพชรมากขึ้นไปอีก
ทุกอย่างที่เกิดขึ้นเป็นเพราะเธอทำตัวเธอเอง
เธอมีความแค้นฝังหุ่นกับ ราเชน (อาร์ต-พศุตม์ บานแย้ม) รุ่นพี่สมัยวัยรุ่นที่ชิงดีชิงเด่นแล้วก็หักหลังกันได้แสบสันต์มาตั้งแต่สมัยทำงานเป็นเซล เข็มเพชรจึงใช้ ปลี (รถเมล์-คะนึงนิจ จักรสมิทธานนท์) ภรรยาของราเชนที่เป็นลูกน้องคนสนิทของตัวเอง เป็นเครื่องมือแก้แค้นราเชน
จากที่ปลีก็เป็นเครื่องมือรองรับอารมณ์ของสามีตัวเองที่ทั้งเจ้าอารมณ์ ปากร้าย ชอบใช้ความรุนแรงอยู่แล้วก็ต้องมากลายเป็นเครื่องมือของเข็มเพชรซ้ำเข้าไป ทั้งสองคนสนองความต้องการของตัวเอง สร้างความเจ็บปวดทั้งกายและใจให้กับปลี ถ้าไม่มี โปรย (ด.ญ.คีตภัทร ป้องเรือ) ลูกสาววัย 5 ขวบ และความตั้งใจยึดมั่นในสิ่งดีงามเป็นเครื่องยึดเหนี่ยวจิตใจ เชื่อว่าเธอคงอดทนกับสภาพที่โหดร้ายมาโดยตลอดขนาดนี้ไม่ไหว
เข็มเพชรมีสามีชื่อ สกุล (กอล์ฟ-อนุวัฒน์ ชูเชิดรัตนา) ที่ช่างแตกต่างกับเข็มเพชรราวฟ้ากับเหว สกุลเป็นคนใจเย็น ใจดี มองโลกอย่างเป็นธรรม หลาย ๆ อย่างที่เข็มเพชรทำเป็นสิ่งที่เขาไม่เห็นด้วย แต่สกุลไม่สามารถห้ามอะไรเข็มเพชรได้ เพราะสกุลไม่อยากให้ครอบครัวของเขาต้องมีปัญหา และห่วงความรู้สึกของ เพชรสกุล (เคท-ด.ญ.อิรยา พุ่มประจำ) ลูกสาวคนเดียววัย 8 ขวบ ทำให้สกุลยอมเป็นฝ่ายสงบปากในทุกเรื่อง
สกุล สามีผู้สงบเสงี่ยม
วีณา (ดิว-อริสรา ทองบริสุทธิ์) น้องสาวผู้เอ็กซ์อึ๋มของปลี ที่รู้เท่าทันคนและมองออกว่าเนื้อในของแต่ละคนเป็นยังไง มีปัญหากับสามีจนเลิกกัน วีณามาหาปลีเพื่อขออยู่ด้วยชั่วคราว จนไปทำงานกับเข็มเพชร วีณาไม่ใช่คนหัวอ่อน ทำให้วีณามองเข็มเพชรออกว่าเนื้อในของเข็มเพชรเป็นยังไง แล้วราเชนก็ทำเรื่องบัดสีโดยการพา มโน (เอ – พศิน เรืองวุฒิ) และ เอมอร (เอ – อัญชลี หัสดีวิจิตร) สองผัวเมียที่มีรสนิยมสลับคู่มาที่บ้านเพื่อหวังผลทางธุรกิจ ราเชนต้องการให้ปลีนอนกับ
มโน ปลีไม่ยอมราเชนก็จะใช้วีณานี่แหละเป็นตัวแทน ปลีรับไม่ได้ก็โดนราเชนทำร้ายอย่างที่เคยจนเลือดตกยางออกจน โปรย ลูกสาวของปลีทนไม่ไหวโทรไปของความช่วยเหลือให้เข็มเพชรมาช่วยแม่ จนทั้งสามคน ปลี โปรยและวีณา ย้ายมาอยู่บ้านเข็มเพชรในที่สุด
ไม่ได้กินวีณาหรอก
เรื่องราวดำเนินมาถึง Ep10 แล้ว คาดว่าเกินครึ่งเรื่องมานิดหน่อยแล้วละ มีทั้งเสียงชื่นชมว่าเป็นละครรสแซบและเสียงบ่นอื้ออึงที่ร้องว่า ว้า…ละครแบบนี้อีกแล้ว มีตบตี มีขืนใจ แก้แค้นและกระทำย่ำยีกันไปมาอะไรกันเนี่ยยย ซึ่งก็ต้องบอกกันตามตรงว่ามันไม่ได้เหมาะกับผู้ชมทุกเพศทุกวัยเลยจริง ๆ
ผู้ปกครองควรให้คำแนะนำนะจ๊ะ เพราะมันเป็นละครที่อัดแน่นไปด้วยความแสบแบบนอนสต็อป จนแอบคิดไปว่ายัยเข็มเพชรนี่นางนอนหลับสนิทสักคืนบ้างไหมเนี่ย แล้วปลีเธอจะทนแบบนี้ไปอีกนานแค่ไหน
พูดถึงเรื่องตัวบทถือว่าเป็นบทที่ไม่น่าเบื่อ เนื้อหากระชับ ดำเนินเรื่องไม่อืดอาด รถเมล์ในบทของปลี ดึงความเป็นปลีออกมาได้ดีจนอยากจะชื่นชมกับการแสดงที่พัฒนาไปจากเรื่องก่อน ๆ ของรถเมล์ได้ดีมาก ๆ ถึงจะไม่น่าสงสารเท่าปลีในจินตนาการของ กฤษณา อโศกสิน ที่อ่านแล้วก็ร้องว่า
“ปัดโธ่เอ้ยปลีทำไมเธอช่างอ่อนต่อโลกและหงอติ๋มขนาดนี้” แต่ก็ยังเป็นปลีที่ทนทายาดอยู่เช่นเดิม ส่วนคริส หอวัง ในบทเข็มเพชร ต้องขอบอกตามตรงเลยว่า มีความรู้สึกอึดอัดกับการแสดงอารมณ์ของตัวแสดงตัวนี้พอสมควร พลังที่ส่งออกมายังไม่ร้ายลึกอย่างเหนือชั้นเท่าที่เข็มเพชรในหนังสือได้ทำเอาไว้ ซึ่งน่าจะเป็นเพราะบทของเข็มเพชรที่ใส่สีจนทำให้ หลาย ๆ อย่างที่เข็มเพชรทำดูไร้เหตุผลและมีกลิ่นตุ ๆ แทนที่จะเป็นตัวเด่นอย่างที่ละครต้องการให้เป็น
กลับกลายเป็นว่า พลังต่าง ๆ คนที่เอาอยู่และส่งอารมณ์ได้ดีในละครเรื่องนี้กลับเป็นรถเมล์ซะมากกว่า และอีกคนที่ต้องยกนิ้วให้ก็ อาร์ต พศุตม์ เพราะเป็นราเชนที่น่าโดนตีกบาลมากที่สุด คนอะไรจะเลวได้ขนาดนี้
สปอยล์ฉากจบจากนิยายกันนิดนึง
ในบทสุดท้ายของนิยายได้ทิ้งความหมายให้ผู้อ่านเข้าใจเองว่าสุดท้ายแล้วปลีก็หนีออกมาจากวังวนของคนเหล่านั้นได้ซะที ได้ใช้ชีวิตปลอดภัยกันสองคนแม่ลูก ในหน้าสุดท้ายของนิยายเป็นฉากที่สองแม่ลูกนั่งรถไปด้วยกัน เป็นความรู้สึกที่ปลอดโปร่งโล่งสบาย ปลีสัญญากับลูกว่าสักวันจะพาลูกไปเที่ยวภาคเหนือแล้วก็คุยกันตามประสาแม่ลูก ซึ่งบทสรุปของละครจะเป็นอย่างไรนั้น ก็ต้องติดตามกันต่อไป น่าจะเหลือไม่กี่ ep แล้วละ
ซึ่งก็จะค่อย ๆ กะเทาะเปลือกนอกเพื่อเผยธาตุแท้และสันดานดิบของตัวละครแต่ละตัวออกมาให้เห็น จนพาไปถึงบทสรุปที่ทำให้ตัวละครได้เรียนรู้รสชาติชีวิต ไม่อย่างใดก็อย่างหนึ่ง
“หาเงินเดือนให้ได้มากกว่าเมียก่อน ไม่ใช่กินเงินเดือนเท่ากับค่ารองเท้าของเข็ม”
คำพูดเชือดเฉือนห้ำหั่นความรู้สึกแบบนี้ดูจะเป็นบทประเภทที่หาได้ทั่วไปในละครไทยปัจจุบัน โดยเฉพาะกับละครจากค่าย CHANGE2561 ของ ฉอด-สายทิพย์ มนตรีกุล ณ อยุธยา ที่ค่อนข้างเชี่ยวชาญและช่ำชองในเรื่อง ‘การเขียนบทอย่างไรให้คนแชร์คลิปไฮไลต์’
หรือ ‘ทำละครอย่างไรให้คนบอกว่าแรง!’ ซึ่งก็ถือว่าพวกเขาทำได้ประสบความสำเร็จมาตลอด และกับละครเรื่องล่าสุดของพวกเขาอย่าง ‘เนื้อใน’ เองก็ดูจะเป็นละครอีกหนึ่งเรื่องที่น่าจับตามองในชั่วโมงนี้ หลังจากที่เพิ่งปล่อยตัวอย่างเต็มๆ ออกมา และอาจจะกลายเป็นละครที่ผู้ชมให้ความสนใจก็เป็นได้
“เปลือกที่สวยงามของมนุษย์บางประเภทอาจซ่อนซากเน่าของปีศาจร้ายไว้ภายใน” คือคำโปรยบนปกหนังสือ เนื้อใน งานประพันธ์ของ กฤษณา อโศกสิน นักเขียนชั้นครูที่มีผลงานมากมายตลอดระยะเวลา 60 ปีในวงการ กับผลงานนวนวนิยายกว่า 140 เรื่อง
ที่หลายต่อหลายเรื่องถูกนำมาดัดแปลงเป็นละครให้เราได้ชมกันอยู่หลายครั้ง ถ้าคุณยังพอจำชื่อของ สวรรค์เบี่ยง, เมียหลวง, ข้ามสีทันดร, น้ำเซาะทราย หรือ เพลิงบุญ ได้ ผลงานเหล่านี้คือการจรดปลายปากกาของ กฤษณา อโศกสิน แทบทั้งสิ้น และสำหรับละครเรื่อง ‘เนื้อใน’ ก็เป็นผลงานการเขียนของเธอเช่นกัน ซึ่งนี่จะเป็นการหยิบมาดัดแปลงเป็นละครครั้งแรกหลังจากตีพิมพ์ครั้งแรกเมื่อปี 2539
เนื้อใน คือนิยายดราม่าที่นำเสนอเรื่องราวของตัวละครหลักๆ อย่าง เข็มเพชร และปลี ผู้หญิงสองคนที่พื้นเพแตกต่างกันมากๆ โดยฝ่ายแรกนั้นเป็นผู้หญิงในแวดวงสังคมชั้นสูง เจ้าของร้านจิวเวลรีชื่อดังที่เป็นที่นับหน้าถือตาของคนในสังคม เธอรวย ฉลาด เก่งกาจ และปากกัดตีนถีบมาแต่ไหนแต่ไรเพื่อเอาชนะและได้มาซึ่งความสำเร็จในชีวิต ซึ่งเธอมี ปลี เป็นเสมือนผู้ช่วยข้างกาย หญิงสาวไม่สู้คน หัวอ่อน ผู้โอนอ่อนไปตามทุกสิ่งที่เข็มเพชรบอก
ซึ่งเธอสองคนนี้จะมีส่วนอย่างมากในเรื่องราวที่กำลังจะเกิดขึ้น เพราะตัวนิยายจะพาคุณไปสำรวจชีวิตของเธอทั้งสอง พัฒนาการของตัวละคร อุปนิสัย พฤติกรรมที่มีมูลเหตุจากอดีต และส่งผลให้เรื่องราวดำเนินไปจากการเปิดเผยธาตุแท้ของตัวละครออกมาทีละเล็กละน้อย
“เป็นเรื่องที่ คุณอัญชัน นักเขียนซีไรต์คนหนึ่ง เขาอยู่อเมริกา เขาส่งเรื่องย่อมาให้ดิฉันอ่าน พร้อมกับบอกว่าคนที่เขียนได้คือดิฉัน เราก็อ่านเรื่องย่ออยู่ 3 หน้า มันยากมาก วางไว้เป็นปี แล้วบอกว่าเขียนไม่ได้ ตอนนั้น คุณนันทวัน หยุ่น เป็นบรรณาธิการ ก็ให้คุณนันทวันดู เขาบอกว่ายาก มันเหมือนกับการขุดสันดานดิบของมนุษย์ขึ้นมาตีแผ่ มันยากมาก
รีวิว เนื้อใน ความรู้สึกหลังดู
เหมือนน้ำอมฤตกับน้ำกรดสาดเข้าหากัน เราจะเขียนอย่างไรให้คนอ่านอ่านตามแล้วรู้สึกเกิดความซาบซึ้งไปพร้อมๆ กับตัวเราซึ่งเป็นนักเขียน คุณนันทวันจึงให้ดิฉันเขียน ดิฉันจึงตั้งชื่อเรื่องว่า เนื้อใน เพราะมันชัดเจนมาก ประเภทดีสุดขั้ว ชั่วสุดขีด” เจ้าของบทประพันธ์ กฤษณา อโศกสิน เคยให้สัมภาษณ์เกี่ยวกับนวนิยายเรื่อง ‘เนื้อใน’ ไว้ในนิตยสาร Mix
คำว่า ‘ดีสุดขั้ว ชั่วสุดขีด’ คงเป็นการอธิบายเรื่องราวของตัวละครทั้งหมดที่ต้องมาประสบพบพานกันได้เป็นอย่างดี และตัวละครหลักอย่าง เข็มเพชร นิยายได้สร้างความแข็งแรงให้กับตัวละครไว้ระดับหนึ่ง เธอเป็นลูกสาวคนกลางในตระกูลคนจีนที่ไยดีแต่ลูกชาย
เธอจึงต้องแอบไปทำงานพิเศษ ส่งตัวเองเรียน และทำให้เธอกลายเป็นคนที่เชื่อมั่นในตัวเอง ด้วยความเก่งกาจที่เธอมี ไม่พึ่งพาใคร เธอคือคนที่ถูกต้องเสมอ และปมในใจนี้ทำให้เธอกลายเป็นคนที่พยายามจะเอาชนะคนอื่น และอยากเห็นคนอื่นๆ ทุกข์ทรมานอย่างที่เธอเคยเป็นเกินกว่าที่คุณจะจินตนาการได้ว่าคนอย่างเธอจะทำแบบนั้นไปเพื่ออะไร และเธอจะทำอะไรได้บ้างเพื่อให้ชีวิตของใครคนหนึ่งย่อยยับ ซึ่งการพา คริส หอวัง มารับบทนี้ก็นับว่าเป็นแคสต์ที่ถูกต้อง
เหมือนเราจะได้ชมชีวิตของ เหมยลี่ จาก รถไฟฟ้า มาหานะเธอ เวอร์ชันทุลักทุเล ปากกัดตีนถีบ และทะเยอทะยาน ตัวแทนของปีศาจที่ฉาบความงามไว้ภายนอก
นอกจากตัวละครหลักๆ อย่างสองสาวที่กล่าวถึงไปแล้ว ยังมีตัวละครสำคัญอื่นๆ อีกอย่าง ‘สกุล’ สามีผู้ภักดีและแสนดีของเข็มเพชร ตัวแทนของผู้ชายในอุดมคติที่ต้องมาประมือกับภรรยาจอมบงการ และ ‘ราเชน’ คู่กัดของเข็มเพชรที่เธอยัดเยียดให้ปลีแต่งงานด้วยเพียงหวังเพื่อจะเอาชนะ
แต่จะเรียกว่าเป็น ‘นรกของปลี’ ก็ว่าได้ เพราะราเชนคือหนุ่มเจ้าอารมณ์ที่พร้อมจะพังทุกสิ่งอย่างตรงหน้า และยิ่งปลีเป็นผู้หญิงหัวอ่อนแกมขี้ขลาด ดูแล้วไม่มีทางจะไปสู้อะไรเขาได้ ขนาดที่ในนิยายมีช่วงหนึ่งที่เธอเพียงย่องเท้าเบาๆ เข้าห้องนอนที่สามีหลับอยู่แล้วเผลอปัดนาฬิกาข้อมือตกจากโต๊ะ เธอก็แทบขาดใจตายเพราะกลัวสามีตื่นมาอาละวาด คิดดู!
ภาระอันหนักอึ้งของผู้สร้างและการนำนิยายเรื่องนี้มาทำเป็นละครคือการตีความตัวละครทั้งหมดให้ดูร่วมสมัย อีกทั้งยังต้องเก็บรายละเอียดของตัวละครให้ครบถ้วนรอบด้านที่สุด เพื่อให้ผู้ชมได้รู้สึกว่าถึงแม้ละครจะดูฉาบเคลือบด้วยความร้ายๆ แรงๆ
แต่อย่างน้อยที่สุดขอให้เราได้รับรู้หน่อยได้หรือไม่ว่าเหตุใดตัวละครจึงพัฒนาลักษณะนิสัยแบบนั้นขึ้นมา เพราะฉะนั้นบทโทรทัศน์เองก็สำคัญมากเช่นกันที่จะทำให้ละครเรื่องนี้พาผู้ชมคล้อยตามไป ซึ่งนั่นหมายถึงความสำเร็จที่พวกเขาพึงจะได้รับจากผู้ชม หากมันสมเหตุสมผล สนุก และน่าติดตาม
นอกเหนือจาก คริส หอวัง แล้ว หนึ่งในตัวละครที่น่าจับตามองในละครเรื่องนี้คือ ‘ปลี’ ที่ได้ รถเมล์-คะนึงนิจ จักรสมิทธานนท์ มารับบทดังกล่าว เธอห่างหายจากการรับบทบาทเด่นๆ ไปพักหนึ่ง และบทนี้ที่ดูจะเป็นผู้หญิงอ่อนต่อโลก แต่แข็งกร้าวและพร้อมจะลุกขึ้นมาสู้กับความไม่ถูกต้องก็ดูเหมาะกับเธออย่างมาก ส่วนแคสต์ฝ่ายชายแม้จะไม่โดดเด่นเท่า แต่ก็คาดว่าจะทำหน้าที่ของตัวเองได้ดี ทั้ง อาร์ต-พศุตม์ บานแย้ม ในบท ราเชน และกอล์ฟ-อนุวัฒน์ ชูเชิดรัตนา ในบท สกุล สามีผู้แสนดีของเข็มเพชร นอกจากนี้ยังมี แตงโม-นิดา พัชรวีระพงษ์, กระติ๊บ-ชวัลกร วรรธนพิสิฐกุล และดิว-อริสรา ทองบริสุทธิ์ ร่วมแสดงด้วย