มธุสร หญิงสาวผู้มีชาติตระกูลดี ที่ตัดสินใจแต่งงานกับเกรียงไกร แต่สุดท้ายเธอกลับมารู้ทีหลังว่า เขามีนิสัยเจ้าชู้เห็นแก่ตัว จนวันหนึ่งมธุสรทนไม่ไหวตัดสินใจหย่าเธอยอมยกทรัพย์สินให้เขาแทบทั้งหมด เพื่อแลกกับสิทธิ์การได้เลี้ยงดูลูกสาว ซึ่งเป็นแก้วตาดวงใจของเธอ และพา ผึ้ง ซึ่งเป็นลูกคนเดียว ออกไปเริ่มต้นชีวิตใหม่ชีวิตหลังหย่าของมธุรส เธอได้พาผึ้งออกมาเช่าบ้านอยู่ข้างนอก ทั้งสองมีชีวิตที่ลำบากและมีเงินติดตัวมาไม่มาก มธุรสจึงตัดสินใจเช่าบ้านอยู่ในย่านสลัมที่เต็มไปด้วยความน่ากลัวและอันตราย แต่ก็ต้องจำยอมเพราะมีทางเลือกไม่มากนัก แม้ว่าเพื่อนของเธอจะยินดีช่วยเหลือแต่มธุรสก็ไม่ยอม เพราะไม่อยากให้ใครเดือดร้อน เธอได้งานใหม่เป็นเสมียนในบริษัทของ กุลชาติ ซึ่งเป็นพ่อของเพื่อนผึ้ง โดยที่กุลชาติก็มีความสนใจมธุรส

แต่มรสุมชีวิตของมธุสรและลูกกลับยังไม่จบ เมื่อเธอต้องเข้าไปพัวพันกับ 7 ทรชน จนทำให้แป๊วและพวกถูกจับ ทำให้แก๊งนักเลงนั้นต่างโกรธแค้นอย่างมาก และทั้งหมดได้สร้างตราบาปให้กับชีวิตเธอและลูก เหตุการณ์หลังจากนั้นทำให้ผึ้งกลายเป็นคนเสียสติต้องรักษาตัว และมีอาการไม่ปกติทางจิต อีกทั้งศาลเอาผิดกับผู้ต้องหาไม่ได้ เธอจึงตัดสินใจเป็นผู้ล่า 7 ทรชนด้วยตัวเธอเอง

มธุสร ถูก เกรียงไกร สามีอารมณ์รุนแรงและเจ้าชู้ ขู่กรรโชกเพื่อเอาเงินของ มธุกร หรือ ผึ้ง ลูกสาวเพียงคนเดียวไปเล่นการพนันและบำเรอเมียใหม่ หลังมธุสรจับได้ว่าสามีติดการพนันและติดหญิงคนใหม่ เธอจึงเดินหน้าฟ้องหย่าเพื่อป้องกันไม่ให้สามีเข้ามามีส่วนแบ่งในทรัพย์สินของเธอและตัวลูกสาว แต่เพราะเกรียงไกรเป็นคนมีหน้ามีตา และเกรียงไกรไม่ยอมเสียหน้าจากเรื่องเล็ก ๆ แบบนี้ เขาจึงขอให้มธุสรยกทรัพย์สินทั้งหมดให้เป็นของตนเพื่อแลกกับชีวิตของผึ้ง มธุรสรไม่มีทางเลือกจึงตัดสินใจยอมถอนฟ้องและหย่าแต่เพียงโดยดี หลังจากที่หย่ามธุสรและลูกก็เริ่มมีชีวิตลำบาก เยาวลักษณ์ เพื่อนเพียงคนเดียวของเธอจึงรับมธุสรและผึ้งไปอยู่ด้วย แต่เพราะมธุสรไม่ต้องการพึ่งพาใครไปมากกว่านี้ เธอจึงเดินหน้าหาเช่าคอนโดใกล้ ๆ โรงเรียนของผึ้งอยู่ และได้คอนโดใหม่ที่อยู่ในชุมชนร่วมอาสา หลังได้คอนโด มธุสรจึงหางานทำใหม่เป็นรองผู้จัดการฝ่ายบัญชี โดยมี กุลชาติ เจ้าของโรงแรมคอยยื่นมือเข้ามาช่วย เนื่องจากลูกสาวเขาเป็นเพื่อนผึ้ง และเขาก็สนใจในตัวเธอที่เป็นแม่เลี้ยงเดี่ยว (Single Mom) ในฐานะพ่อเลี้ยงเดี่ยว (Single Dad) ด้วยเช่นกัน

วันหนึ่งมธุสรและผึ้งได้ไปพัวพันกับแก๊งนักเลงในย่านสลัมของ แป๊ว เพราะแป๊วคิดว่ามธุสรเป็นสายให้ตำรวจตั้งแต่ย้ายเข้ามา มธุสรพยายามเลี่ยงการปะทะกับแป๊วเพราะไม่อยากให้ผึ้งเข้ามายุ่ง แต่วันหนึ่งสายตำรวจวานให้เธอส่งข้อความลับให้ สารวัตรภาธร ว่าจะมีการส่งยาเสพติดกันและวันนั้นผึ้งติดร่างแหเข้าไปด้วย เพราะแป๊วยัดยาเสพติดล็อตใหญ่มูลค่ากว่า 16 ล้านบาทให้ผึ้ง แต่แป๊วกลับไม่คิดว่ามธุสรและผึ้งจะนำยาล็อตนั้นไปส่งให้ตำรวจ เหตุการณ์ครั้งนี้ทำให้นายใหญ่ตัดหางปล่อยวัด และตำรวจยังออกตามล่าแป๊วและพวกลูกน้องในกลุ่มอีก 6 คนนั่นคือ ย้ง ชัย แมน เต๋า จั๊ว และ บิ๊ก จนไม่สามารถมีชีวิตอยู่ได้อย่างปกติสุข ดูหนัง

แป๊วและพวกโกรธแค้นมธุสรและผึ้งอย่างหนัก จึงวางแผนดักฉุดแม่ลูกไปข่มขืนและนำน้ำมันท่อรถกรอกปากกันจนถึงเช้า หลังจากเหตุการณ์นั้น แพทย์ต้องผ่าตัดเอาอวัยวะภายในของผึ้งออกเพื่อยื้อชีวิต และซ้ำร้ายผึ้งยังกลายเป็นคนเสียสติ จนต้องทำการรักษาด้วยวิธีการทำ ECT แม้การรักษาผ่านไปด้วยดีแต่แล้วผึ้งก็กลายเป็นคนไร้ความทรงจำ ไร้ความรู้สึก จึงทำให้มธุสรโกรธแค้นอย่างมาก เธอเดินหน้าขอความช่วยเหลือด้วยกระบวนการทางยุติธรรม สารวัตรภาธรสามารถจับกุมตัวแป๊วและพวกได้ทั้งหมด แต่เพราะกระบวนการทางยุติธรรมกลับไม่ให้ความยุติธรรมกับเธอ ด้วยทนายฝ่ายจำเลยได้ให้เกรียงไกรมาให้ความเท็จใส่ร้ายมธุสร และมธุสรจำเหตุการณ์คืนนั้นได้เพียงลำลาง ศาลจึงตัดสินให้ แป๊ว ย้ง และชัย ติดคุกแค่สามคน ส่วนที่เหลือศาลยกฟ้อง แต่ถึงแป๊วจะติดคุกก็ติดได้ไม่นาน เพราะ นพดล เป็นนักการเมืองที่มีอิทธิพล เขาใช้อิทธิพลช่วยให้แป๊วทำธุรกิจได้อย่างเปิดเผยในคุก ก่อนใช้อิทธิพลพาแป๊วออกมาจากคุก ทางผึ้งก็เรียกผู้หญิงทุกคนว่าแม่ มธุสรสิ้นหวังกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นทั้งหมด วินาทีที่มธุสรคิดจะฆ่าตัวตาย มธุสรได้ปลุกให้จิตใต้สำนักอีกด้านตื่นขึ้นโดยไม่รู้ตัว และจิตใต้สำนึกนั้นได้พาให้มธุสรไปรู้จักกับ ยูกิ ครูผู้หญิงสอนแต่งหน้าชาวญี่ปุ่นที่ทำให้เธอรู้จักกับการฆ่ากับการเปลี่ยนบุคคลิกใหม่เป็นอีกคน และยูกิยังทำให้เธอรู้จักคำว่า “ความพยาบาทเป็นของหวาน” และนั่นเป็นจุดเริ่มต้นให้มธุสรตัดสินใจออกตาม ล่า เหล่าทรชนเดนมนุษย์ที่ทำให้เธอกับลูกต้องเป็นแบบนี้

ก่อนอื่นต้องออกตัวก่อนว่า จขกท. เอง ดูละครเวอร์ชั่น 2537 ก่อนที่จะมีโอกาสได้หานวนิยายมาอ่าน  จึงทำให้ติดภาพจำของเวอร์ชั่นคุณสินจัยและคุณทรายมากพอสมควร   แต่กระทู้นี้จะไม่ขอพูดถึงว่าเวอร์ชั่น 2537 และ 2560 ว่าอันไหนดีกว่ากัน  เพราะทั้งคู่นั้นดีไปคนละแบบ  แต่จะเอาสองเวอร์ชั่นนี้ไปเปรียบเทียบกับนวนิยายถึงข้อเหมือน ข้อแตกต่าง  ความคิดเห็นส่วนตัวของ จขกท. และอื่นๆ อีกจิปาถะ เพื่อแลกเปลี่ยนความเห็นกับเพื่อนๆ นะครับ  ต้องบอกเลยว่าสปอยล์หนักมากนะครับ  อ่านมาถึงตรงนี้แล้วใครไม่แฮปปี้ผ่านได้เลยครับ ดูหนังออนไลน์ 4k

ปี พ.ศ. 2537 ค่ายเอ็กแซค ได้ทำละครเรื่อง “ล่า” เนื้อเรื่องแปลกใหม่  เสียดสีกฎหมาย กระบวนการยุติธรรมและสังคมในยุคนั้นได้อย่างเจ็บแสบ  ปีนั้น จขกท. อายุ 13 ปี  เท่ากับคุณทรายที่รับบทเป็น ‘มธุกร’ หรือ ผึ้งน้อย  ในความทรงจำเนื้อหาในละครอาจไม่ครบถ้วน หรือเลือนลางไปบ้าง ถือว่ามาร่วมพูดคุยกันนะครับ

หลังจากนั้นอีกราวๆ 2-3 ปี คุณทรายได้ออกอัลบั้มเพลง  เพลงที่สร้างชื่อเสียงให้เธอชื่อ คุณครูกระดาษทราย  ในปีนั้น จขกท. ขึ้นชั้นมัธยมปลายแล้ว แต่จำไม่ได้แน่นอนว่า ม.5 หรือ ม.6 ในวิชาภาษาไทย  อาจารย์ได้มอบหมายงาน 1 ชิ้น  เป็นงานระยะยาวทั้งเทอม คือให้หานวนิยายมาอ่าน 1 เรื่อง  จากนั้นให้วิเคราะห์ตัวละครในบทประพันธ์นั้นเป็นรายงานส่งอาจารย์   ซึ่งยุคนั้นนิยายวัยใสกำลังมา  แต่ จขกท. กลับเลือกเรื่อง “ล่า” ซึ่งอาจารย์บอกว่า  เธอเลือกได้ฮาร์ดคอร์มากนะ

ตัวผมเองมีนวนิยายเรื่องล่า ของคุณทมยันตี อยู่ในมืออยู่แล้ว แต่เพื่อนสนิทในห้องคนนึงยังไม่รู้จะเอานิยายเรื่องอะไรมาทำรายงาน  เราจึงพากันไปเลือกที่ร้านหนังสือ ‘แพร่วิทยา’ ที่ห้างเซ็นทรัลลาดพร้าว (ไม่รู้เดี๋ยวนี้ยังมีอยู่หรือเปล่า)  และด้วยความบังเอิญ เราสองคนได้เจอ “คุณทราย” กำลังเลือกหาซื้อหนังสืออยู่เช่นกัน  เพื่อนผมพาผมเดินตามดูว่าใช่คุณทรายหรือเปล่า  ดูหนังออนไลน์

“โทษนะคะ ใช่ทรายหรือเปล่าคะ?”

“อ๋อ ใช่ค่ะ” …

เพื่อนผมดีใจมาก  รีบซื้อหนังสือแล้วเอาให้คุณทรายเซ็นต์ให้  ผมยังจำได้แม่นเลย  คุณทรายเขียนว่า

“เห็นเดินตามตั้งนาน นึกว่าจะไม่มาทักกันเสียแล้ว”  เป็นความประทับใจเล็กๆ ที่มีต่อเธอ หลังจากนั้นผมก็พยายามติดตามผลงานเธอทุกชิ้น ตามประสาคนที่รู้สึกดีกับนักแสดง

เริ่มด้วยประเด็นที่คนพูดถึงกันมากๆ ก่อน… ว่าทำไม มธุสร ถึงโง่อย่างนั้น ทำไมตัดสินใจอย่างนี้ ทำไม ทำไม และทำไม…?

ต้องบอกก่อนว่า นวนิยายเรื่องนี้กว่า 40 ปี แล้วนะครับ  ดังนั้นกรอบความคิดของคนยุคนี้ กับ คนยุคในนิยาย เอามาเปรียบเทียบกันคงยาก  ทั้งธรรมเนียมปฏิบัติ วิธีคิด การใช้ชีวิต มุมมองจากสังคม

ในยุคที่โซเชียลไม่มี  ข่าวสารไม่ได้แสดงให้เห็นว่าสังคมเลวร้ายขนาดไหน  สมัยก่อนสื่อไม่ได้เปิดกว้างขนาดนี้นะครับ  และตัวมธุสรเอง ก็ถือว่าเกิดในสังคมที่ค่อนข้างถูกอบรมสั่งสอนมาอย่างดี  ทั้งการปฏิบัติตัว วิธีคิด การศึกษา แล้วคนอย่างมธุสร จะเอาความเข้าใจของการใช้ชีวิตของคนในสังคมเสื่อมทรามมาจากไหน เธอไม่เคยเห็น ไม่เคยรู้

ในบทประพันธ์ มธุสร จบปริญญาตรี สาขาการบัญชีนะครับ  แม้นจะไม่ได้ระบุว่าสถาบันไหน แต่ในนิยายกล่าวถึง ศศิ และ ลาวัณย์ เพื่อนร่วมรุ่นที่ล้วนไปศึกษาต่อต่างประเทศ หากมธุสรไม่แต่งงานเสียก่อน เธอเองก็น่าจะโปรไฟล์เริ่ดไม่แพ้เพื่อนร่วมรุ่น  คุณต้องนึกภาพสตรี 40 ปีก่อน เรียนสูงขนาดนั้น อยู่ในสังคมแบบนั้น  ไม่ใช่ผู้หญิงที่จะเดินตามซอกซอยได้มองเห็นสังคมเสื่อมทราม และความป่าเถื่อนโหดร้ายของมนุษย์  นั่นเพราะเธอถูกบ่มเพาะมาจากสภาพแวดล้อมที่ดี  สังคมที่ดี ดูหนัง 4k